โควิด-19 “สายพันธุ์อังกฤษ” ที่ระบาดหนักที่ทองหล่อ อาจมาจาก “กัมพูชา”

International News

เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 64 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ระบุว่า โควิด-19 เหตุผลที่บอกว่าการระบาดที่ทองหล่อ น่าจะมาจากเขมร (กัมพูชา)

“การระบาดที่ทองหล่อและระบาดอย่างมากในประเทศไทยขณะนี้ โดยเฉพาะมาจากสถานบันเทิง ที่เป็นแหล่งต้นตอของการแพร่กระจายอย่างมาก สายพันธุ์ไวรัสเป็นสายพันธุ์อังกฤษ B.1.1.7

แต่เดิมการระบาดที่สมุทรสาครและแพร่กระจายไปทั่วประเทศตั้งแต่เดือนธันวาคม เป็นสายพันธุ์ในกลุ่ม GH ซึ่งเป็นสายพันธุ์เดียวกับการพบในผู้ที่เดินทางมาจากประเทศพม่า

สายพันธุ์อังกฤษได้เริ่มมีการระบาดอย่างมากในประเทศเขมร โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ จนกระทั่งปัจจุบันการระบาดก็ยังไม่หยุด มีผู้ป่วยในการระบาดรอบนี้ร่วม 3,000 คนและมีการเสียชีวิตมากกว่า 20 คน แสดงในรูปกราฟการระบาด

จากข้อมูลองค์การอนามัยโลก และมีการถอดรหัสพันธุกรรมของผู้ป่วยในเขมรที่บันทึกไว้เป็นหลักฐานในการระบาดโรคนี้ จะเห็นว่าเป็นสายพันธุ์ B.1.1.7 และเขียนไว้อย่างชัดเจนในข้อมูลขององค์การอนามัยโลก

จากการถอดรหัสพันธุกรรมของสายพันธุ์ทองหล่อ โดยศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก จุฬา ได้รับทุนสนับสนุนจากกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ รวมทั้งสวทช.

แสดงให้เห็นว่าพันธุกรรมของไวรัสสายพันธุ์ทองหล่อ อยู่ในกลุ่มเดียวกับสายพันธุ์ที่ระบาดในเขมร มีความเหมือนกัน และเปรียบเทียบกับสายพันธุ์อังกฤษที่ศูนย์ไวรัส ได้ถอดรหัสพันธุกรรม โควิด-19 จากผู้เดินทางมาจากต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศอังกฤษและยุโรป อเมริกา ความเหมือนของสายพันธุ์จะเหมือนกับสายพันธุ์ที่แยกได้จากเขมร มากกว่า

การระบาดในเขมรเกิดขึ้นก่อนในประเทศไทย โดยเกิดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และระบาดอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ประกอบกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์โดยการถอดรหัสพันธุกรรม มีความเหมือนกัน

การระบาดในประเทศไทยเกิดขึ้นหลังจากการระบาดในเขมรมานานกว่า 6 สัปดาห์ เมื่อเรียบเรียงตามระยะเวลา ความเป็นไปได้จึงน่าจะเป็นจากเขมรมาประเทศไทย มากกว่าประเทศไทยไปเขมร

ข้อมูลทั้งหมดจึงเป็นข้อมูลที่สนับสนุน โดยเฉพาะทางด้านสายพันธุ์ พันธุศาสตร์ ว่าการระบาดครั้งนี้ น่าจะมาจากประเทศกัมพูชา ส่วนจะมาด้วยวิธีใด ก็คงจะต้องมีการหากันต่อไป

อยากให้เด็กไทย สนใจเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ ใช้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ มาเพื่อใช้ตอบคำถามที่สงสัย”